“ครูธัญ” ชวนฉลอง "สมรสเท่าเทียม" เสรีภาพกับการนับถือศาสนา อยู่ร่วมกันได้

สมรสเท่าเทียม ศาสตราจารย์ทันขอเชิญชวนคุณ มาร่วมเฉลิมฉลอง การตื่นตัวของสังคม และรำลึกถึงผู้เสียชีวิต หลังจากร่างกฎหมาย ความเท่าเทียมในการแต่งงาน ทั้ง 4 ฉบับผ่านด้วยคะแนนเสียง 369 ต่อ 10 เสียงในเซสชั่นแรก “ปริต” เน้นการแต่งงานเท่าเทียม กับเสรีภาพ ในการนับถือศาสนา สามารถอยู่ร่วมกันได้

วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ณ อาคารรัฐสภา อยู่ระหว่างการศึกษา ร่างประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ “การแต่งงานเท่าเทียมกัน” ในวาระที่ 1 การยอมรับหลักการซึ่งรวมถึงรัฐบาล พรรคก้าวไกล ภาครัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พิจารณาร่วมกัน

ส่วนร่างพระราชบัญญัติพรรคก้าวหน้านั้น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวหน้า ธัญญาวัฒน์ กมลวงศ์วัฒน์ เป็นผู้สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติ เขาหารือถึงหลักการและเหตุผลของ ร่างกฎหมายความเท่าเทีย มและระบุว่าเขาเกิดมาเป็น คนแต่งตัวข้ามเพศ ฉันเป็นไบเซ็กชวลทุกวันตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้ และอยู่กับคุณเสมอทุกวัน แต่สิ่งที่คนข้ามเพศ ทุกคนมักจะติดอยู่ นั้นเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าความเป็นไบเซ็กชวล จะเป็นสิทธิมนุษยชนก็ตาม มีอัตลักษณ์ในสังคม มีสิทธิ มีศักดิ์ศรี และใช้ชีวิตได้ตามต้องการ รวมถึงการเริ่มต้นครอบครัว

ขณะทำงานสภาครั้งก่อน ท่านเสด็จไปเชียงใหม่ ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม กล่าวขอบคุณมากสำหรับ การพูดถึงความเท่าเทียม ในการแต่งงาน เพราะมีเพื่อนรักของเขา ที่โรงเรียนที่ไม่สามารถ มาฟังเรื่องความเท่าเทียม ในการแต่งงานในวันนี้ได้ เพราะเขาฆ่าตัวตายไปแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์ โรแมนติกของเขากับชายอื่น

ในปีพ.ศ. 2552 มีการจัดขบวนพาเหรดเกย์ ที่เชียงใหม่ แต่กลับมีการต่อต้าน หรือที่เรียกว่า “เสียงวันเสาร์” เกี่ยวข้องกับการขว้างถุงเลือด การขว้างสี รวมถึงการตะโกนและสบถ โดยอ้างว่าเป็นการเสื่อมเสีย ทำลายวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดี

ธัญญาวัฒน์กล่าวต่อว่านี่ คือความเจ็บปวด ของคนกะเทย ซึ่งเกิดขึ้นทุกที่ ในประเทศไทย ณ จุดหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงความเกลียดชัง ที่ฝังแน่นอยู่ในสังคมไทย มาโดยตลอด แต่วันนี้ ความเป็นไปได้กำลังปรากฏ และเขาเชื่อว่าทุกวันนี้ ทุกคนต่างเห็นพ้องกัน ว่าประเทศไทยกำลังใกล้ จะมีการเปลี่ยนแปลง

“วันนี้เราอาจจะมีการเฉลิมฉลองที่น่าตื่นตาตื่นใจ เราอาจมีฝนกระดาษ และโบกธงสีรุ้ง แต่ไม่ว่างานเฉลิมฉลอง จะสวยงาม หรือยิ่งใหญ่เพียงใด ธันน์อยากให้มันเป็น การเฉลิมฉลองการตื่นรู้ ของพวกเราทุกคน ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ความสูญเสียของผู้คนพรากจากกัน เรามาเฉลิมฉลอง ความโง่เขลาในอดีต กันเถอะ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ฆ่าตัวตายเพียงเพราะพวกเขาเป็น LGBT ขอให้มันเป็นการเฉลิมฉลอง และการเตือนใจเสมอ จากอดีตถึงวันนี้เราสูญเสียไปเท่าไหร่แล้ว” ธัญญาวัฒน์กล่าว

ธันยวัฒน์พูดต่อ ตั้งแต่สภานิติบัญญัติครั้งล่าสุด ผู้คนมักสงสัยว่า ตนเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เหตุใดจึงต้องออกกฎหมาย? แต่เขาคิดว่าสิ่งที่เราเห็นด้วยคือการเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้ ความเป็นไปได้กำลังเกิดขึ้น ขอให้เรามองทุกคนด้วยความกรุณาและใจกว้าง วันนี้จะเป็นวันดีในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย ในระดับสากล เป็นวันที่ผู้คนจะจดจำ ที่เราทุกคนเห็นพ้องกันที่นี่ เพื่อก้าวไปสู่ความเท่าเทียม กันของคนทุกเพศ มันเป็นชัยชนะสำหรับทุกคน

ในส่วนของการอภิปรายนั้น ส.ส.พรรคก้าวหน้าหลายท่านได้ออกมาแสดงความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตินี้ เช่น ปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.พรรคก้าวหน้า ที่หยิบยกปัญหาการปราบปราม ความหลากหลายทางเพศ ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา การศึกษา ปัจจุบันเรายังมีครู และนักเรียนหลายเพศ ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ การผ่านกฎหมายความเท่าเทียมในการแต่งงาน ในวันนี้เป็นเพียงก้าวแรก เท่านั้น สังคมไทยยังต้องเข้าใจสังคม และเรียกร้องให้มีกฎหมาย อีกหลายฉบับ ให้ปฏิบัติตาม

นายปรีชา วัชรสินธุ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อธิบายว่า กฎหมายความเท่าเทียม ในการแต่งงานนั้น มีพื้นฐานอยู่บนหลักการง่ายๆ ฉันกำลังจะบอกทุกคู่ ในประเทศนี้ว่า พวกเขาสามารถแต่งงานกันได้ โดยไม่คำนึงถึงเพศเกิดของคุณ และเพศใดก็ตามที่คุณ มีความรู้สึก จะปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน สร้างความเท่าเทียมกัน เป็นบรรทัดฐานใหม่ในสังคมไทย

จากการพูดคุยของสมาชิกในวันนี้ ภาพที่เราจะพบเห็นน่าจะเป็นภาพ ประวัติศาสตร์ของสภา ว่าจะมีการลงคะแนนเสียง อย่างล้นหลาม ให้ยอมรับหลักการ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน นี่จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่เราจะได้เห็น ส.ส.จากหลายพรรคและหลายเพศ มารวมตัวกัน เพื่อยืนยันว่าสิทธิ ในการสมรสไม่ใช่สิทธิพิเศษ ของคนหลากหลายเพศ แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่มนุษย์ทุกคน ควรได้รับประโยชน์ อย่างเท่าเทียมกัน

ปริตกล่าวเสริม: สำหรับเพื่อนร่วมงาน ที่อาจจะยังต่างกัน ด้วยเหตุผลทางศาสนา เขายืนยันว่าเขารับฟังและเคารพแนวคิดต่างๆ แต่เขาและพรรคอนาคตใหม่ต้องยืนกรานว่าสิทธิการ แต่งงานเท่าเทียมกัน กับเสรีภาพในการนับถือศาสนา สิ่งเหล่านี้เป็นสองสิ่งที่อยู่ร่วมกันได้ในสังคมไทย

เพราะเปิดให้พลเมืองทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย ไม่จำเป็นที่ใครก็ตามจะต้องแต่งงานหากขัดกับความเชื่อของพวกเขา และด้วยเหตุผลเดียวกัน ให้ทุกคนมีอิสระในการฝึกฝนความเชื่อที่แตกต่างกัน ไม่ควรเป็นเงื่อนไขที่จำกัดสิทธิของผู้ที่มีความเชื่อต่างกันในการดำเนินชีวิตตามต้องการ

“ฉันอยากจะเชิญคุณให้พิจารณา ถึงความสำคัญ ของร่างพระราชบัญญัติ ความเท่าเทียมในการแต่งงาน ในความหมายที่กว้างกว่า แค่การแต่งงาน ผมอยากเห็นว่าการผลักดันกฎหมาย ความเท่าเทียม ในการแต่งงาน ผ่านสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ จะส่งสัญญาณที่ชัดเจน ถึงพลเมืองทุกคน ว่าหากวันหนึ่งคุณตกอยู่ ในสถานการณ์ ใดก็ตาม ไม่ว่าคุณ จะเป็นคนส่วนน้อย ในสังคมก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเพราะเพศ เชื้อชาติ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม หรือด้วยเหตุผลทางศาสนา สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ก็พร้อมที่จะปกป้องสิทธิของทุกท่าน” นายพริตกล่าว

ส่วนผลการลงคะแนนเสียง ของผู้เข้าร่วมประชุม 380 คน เห็นด้วยว่าควรยอมรับหลักการ 369 คนไม่เห็นด้วยว่า ควรยอมรับหลักการ 10 คนงดออกเสียง 1 คน n ไม่ลงคะแนน ได้มีการแก้ไข ประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ แล้ว ในวาระที่ 2 เพื่อการปรับปรุง ในระดับคณะกรรมการต่อไป

ขอขอบคุณบทความจาก : Thairath